สัญลักษณ์ไฟเตือนหน้าปัดรถยนต์ สำคัญไฉน?

สัญลักษณ์ไฟเตือนหน้าปัดรถยนต์ สำคัญไฉน?

04 ต.ค. 2564   ผู้เข้าชม 6,978

หากพูดถึงเครื่องหมายบนหน้าปัดรถยนต์นั้นก็มีให้เห็นกันมากมาย ตั้งแต่สัญลักษณ์ที่อยู่ภายในรถ ห้องเครื่องยนต์ ระบบเกียร์ ยางรถยนต์ แต่วันนี้เราจะพามาทำความรู้จักกับสัญลักษณ์หน้าปัดรถยนต์ที่หลายคนมองเป็นประจำขณะขับรถ 

ใครรู้บ้างว่า สัญลักษณ์หน้าปัดรถยนต์ นั้นบอกอะไรเราบ้าง? ผู้ขับขี่หลายคนอาจยังสงสัยอยู่ว่าบนหน้าปัดรถยนต์นั้นมีสัญลักษณ์ หรือ เครื่องหมายแจ้งเตือนต่าง ๆ เยอะแยะเต็มไปหมด รวมถึงสีไฟที่ยังแตกต่างกันอีกด้วย แต่รู้หรือไม่ว่าสัญลักษณ์ใดบ้างที่เราควรให้ความสำคัญและไม่ควรมองข้ามเป็นอันขาด

เคยสังเกตไหมว่าไฟสัญลักษณ์แต่ละสีบ่งบอกอะไรบ้าง

หลายคนอาจคุ้นเคยกับสัญลักษณ์บนหน้าปัดรถยนต์อยู่ไม่กี่อย่าง เชื่อว่าสิ่งที่ผู้ขับขี่มักดูกันเป็นประจำคงจะหนีไม่พ้น ตัวแจ้งระดับน้ำมันในถัง และ เข็มไมล์ความเร็ว เท่านั้น เราจึงอยากชวนทุกคนมาทำความรู้จักกับสัญลักษณ์ไฟเตือนหน้าปัดรถยนต์กันให้มากขึ้นเพื่อความปลอดภัยที่ดียิ่งขึ้นต่อตัวเราเองและผู้ที่ใช้รถใช้ถนนร่วมกันอีกด้วย

เรามาเริ่มกันที่ไฟสีต่าง ๆ ที่อยู่บนสัญลักษณ์ไฟเตือนหน้าปัดรถยนต์กันก่อน

  • สัญญาณไฟสีแดง บอกถึง อันตราย! ควรหยุดใช้รถและรีบตรวจสอบความผิดปกติตามสัญลักษณ์หน้าปัดรถยนต์ที่ปรากฎขึ้นทันที
  • สัญญาณไฟสีเหลือง บอกถึง การเตือน! แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นรถยนต์ของท่านยังสามารถใช้งานได้โดยปกติ แต่ต้องระมัดระวังในการใช้งานให้มากขึ้น
  • สัญญาณไฟสีเขียว บอกถึง สัญลักษณ์การใช้งานอุปกรณ์นั้นๆของรถยนต์ ที่ใช้งานได้ปกติ

 

แล้ว สัญลักษณ์ไฟเตือนหน้าปัดรถยนต์  ที่สำคัญเหล่านี้บอกอะไรเราได้บ้าง? มาเริ่มกันที่

สัญญาณไฟเตือนสีแดง

1. สัญลักษณ์รูปปรอทมีขีดระดับน้ำ

เป็นการแจ้งเตือนถึงความผิดปกติของระบบระบายความร้อนของเครื่องยนต์ซึ่งจะทำให้อุณหภูมิภายในของเครื่องยนต์สูงจนอาจจะเกิดการ Over Heat ซึ่งส่งผลให้เกิดความเสียหายให้กับเครื่องยนต์เป็นอย่างมาก ที่สำคัญไปกว่านั้น หากมีสัญลักษณ์ไฟเตือนสีแดงนี้แจ้งเตือนขึ้นมาเมื่อไหร่ ควรรีบหยุดรถและดับเครื่องยนต์ทันทีเพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องยนต์เสียหายฉับพลัน

เบื้องต้นแนะนำให้รอจนเครื่องยนต์เย็นตัวลงแล้วจึงเช็คระดับน้ำในหม้อน้ำก่อนว่าแห้งหรือไม่ หากแห้ง แนะนำให้หาน้ำเติมก่อนที่จะทำการขับขี่อีกครั้ง

 

2. สัญลักษณ์ถุงลมนิรภัย (Airbags)

หากสังเกตดูดี ๆ สัญลักษณ์รูปทรงวงกลมบนตักคนที่เราเห็นทุกครั้งก่อนสตาร์ทรถนั่นเอง ปกติสัญญาณไฟเตือนนี้จะแสดงขึ้นมาหลังจากสตาร์ทเครื่องยนต์และจะค้างอยู่ประมาณ 5 วินาที แต่หากพบว่าไฟเตือนยังคงค้างอยู่หลังจากสตาร์ทเครื่องยนต์ไปแล้ว นั่นให้พึงระวังทันทีว่าระบบถุงลมนิรภัยอาจขัดข้อง ควรรีบนำรถเข้าเช็คทันทีเพื่อตรวจสอบการทำงานของถุงลมนิรภัย เพราะหากเกิดเหตุฉุกเฉินอาจส่งผลให้ถุงลมนิรภัยไม่ทำงานได้

 

3. สัญลักษณ์รูปตะเกียงมีน้ำมันหยด

สัญลักษณ์ไฟรูปตะเกียงมีน้ำมันหยดนี้ปกติจะปรากฎขึ้นทันทีหลังจากสตาร์ทเครื่องยนต์ และดับลงเมื่อเครื่องยนต์ทำงานปกติ หากแต่ไฟแจ้งเตือนดังกล่าวยังคงค้างอยู่ หรือ ปรากฎขึ้นมาระหว่างขับขี่รถยนต์ ควรจอดรถและดับเครื่องยนต์ทันที จากนั้นรอประมาณ 5 นาที เพื่อให้น้ำมันไหลกลับลงไปในอ่างน้ำมันเครื่อง แล้วลองตรวจสอบดูระดับน้ำมันเครื่องอีกครั้ง โดยเช็คได้จากก้านวัดน้ำมันเครื่อง หากพบว่าอยู่ในระดับที่ต่ำเกินไป ควรเติมน้ำมันเครื่องลงไปอย่างน้อย 1 ลิตร หรือจนกว่าสัญลักษณ์ไฟเตือนดังกล่าวจะดับลง หากยังพบว่าสัญลักษณ์ไฟเตือนยังติดอยู่แนะนำให้นำรถเข้าตรวจเช็คกับศูนย์บริการ เพราะอาจจะเกิดจากสาเหตุอื่น เช่น การั่วซึม หรือการอุดตันของน้ำมันเครื่องก็เป็นได้

 

4. สัญลักษณ์ไฟเตือนแบตเตอรี่ 

สัญลักษณ์ไฟเตือนรูปทรงแบตเตอรี่ หลายคนมักเข้าใจผิดว่าเป็นเพราะแบตเตอรี่เสื่อม แต่แท้จริงแล้วกลับหมายถึง การทำงานของระบบไดร์ชาร์จรถยนต์มีความผิดปกติ เช่น ไดร์ชาร์จเสีย ไดร์ชาร์จไม่จ่ายไฟเข้าที่เก็บแบตเตอรี่ หรือไม่จ่ายไฟเข้าระบบต่าง ๆของรถยนต์  ซึ่งมีผลต่ออุปกรณ์ต่างๆ ที่ต้องใช้กระแสไฟในการควบคุมการทำงาน

 

สัญญาณไฟเตือนสีเหลือง

5. สัญลักษณ์ไฟเตือนระบบเบรคแบบป้องกันล้อล็อค (Anti-Lock Brake System: ABS)

สำหรับสัญลักษณ์ไฟเตือนระบบเบรค ABS จะดับลงเมื่อเครื่องยนต์ติดแล้ว แต่หากไฟเตือนยังคงปรากฎอยู่ แสดงถึงระบบเบรคอาจมีปัญหา แต่อย่าเพิ่งตกใจไป เพราะเครื่องยนต์ยังคงใช้งานได้ปกติ หากแต่ในกรณีที่รถเกิดการเบรคแบบกะทันหัน ระบบเบรค ABS อาจจะไม่ทำงาน ซึ่งอาจส่งผลให้รถเสียการทรงตัวไถลไปตามพื้นถนน เนื่องจากระบบเบรค ABS คือ ระบบที่ช่วยไม่ให้ล้อล็อคขณะที่เบรคกะทันหันนั่นเอง ทางที่ดีควรนำรถยนต์เข้าตรวจเช็คเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ของตัวท่านเอง

 

6. สัญลักษณ์รูปเครื่องยนต์

บ่งบอกถึงความผิดปกติของเครื่องยนต์และอาจโยงไปถึงความผิดปกติส่วนอื่น ๆของระบบการทำงานของระบบภายในเครื่องยนต์ ดังนั้นควรหมั่นนำรถยนต์เข้าตรวจเช็คเพื่อความปลอดภัยและหลีกเลี่ยงการขับรถที่ใช้ความเร็วสูง

 

7. สัญลักษณ์รูปตู้จ่ายน้ำมัน

เป็นการแจ้งเตือนว่าน้ำมันอยู่ในระดับต่ำ แต่อย่าเพิ่งกังวลใจไป! เพราะสัญลักษณ์ที่ขึ้นเตือนนั้นแสดงให้เห็นว่า โดยเฉลี่ยแล้วจะเหลือน้ำมันในถังอีกประมาณ 10-15% ของปริมาณบรรจุถังและส่วนใหญ่รถยนต์จะยังสามารถวิ่งได้อีก 40-50 กิโลเมตร และคุณเคยสังเกตไหมว่า สัญลักษณ์สายหัวจ่ายน้ำมันข้างถังนั้น ยังบ่งบอกถึงตำแหน่งของฝาถังน้ำมันของตัวรถคุณว่าอยู่ฝั่งไหนได้อีกด้วย 

 

ซึ่งสัญลักษณ์ทั้งหมดนี้คือ สัญลักษณ์ไฟเตือนหน้าปัดรถยนต์เบื้องต้นที่ผู้ขับขี่รถยนต์ไม่ควรมองข้าม และสิ่งสำคัญที่สุด ควรนำรถยนต์เข้าเช็คกับศูนย์บริการตามระยะที่กำหนดเพื่อความปลอดภัยสูงสุดในการขับขี่ของท่านเองและผู้ร่วมทางของท่าน


เกร็ดความรู้ที่เกี่ยวข้อง

 รู้ทันน้ำมันขึ้นราคา กับ 5 วิธีง่ายๆ เช็คราคาน้ำมัน
09 ต.ค. 2564

รู้ทันน้ำมันขึ้นราคา กับ 5 วิธีง่ายๆ เช็คราคาน้ำมัน

สาระน่ารู้
ปั๊มน้ำมันใกล้ฉัน ฟังก์ชันง่ายๆ สำหรับค้นหาปั๊มใน Google
31 มี.ค. 2564

ปั๊มน้ำมันใกล้ฉัน ฟังก์ชันง่ายๆ สำหรับค้นหาปั๊มใน Google

สาระน่ารู้
สายซิ่งห้ามพลาด! กฎหมายอัตราความเร็วรถปีล่าสุด ขับเร็วเท่าไรจึงไม่โดนใบสั่ง
28 ก.พ. 2565

สายซิ่งห้ามพลาด! กฎหมายอัตราความเร็วรถปีล่าสุด ขับเร็วเท่าไรจึงไม่โดนใบสั่ง

สาระน่ารู้