น้ำมันดีเซล "พรีเมี่ยม" ความคุ้มค่าที่ตาเปล่ามองไม่เห็น

น้ำมันดีเซล "พรีเมี่ยม" ความคุ้มค่าที่ตาเปล่ามองไม่เห็น

01 ต.ค. 2564   ผู้เข้าชม 20,623

เพื่อตอบโจทย์การใช้งานของผู้ขับขี่ได้อย่างเต็มที่ น้ำมันเชื้อเพลิงในปัจจุบัน ไม่ได้มีเพียงเกรดเดียวให้ผู้บริโภคเลือกใช้อีกต่อไป ด้วยการแข่งขันในเรื่องของคุณภาพน้ำมัน เพื่อให้ผู้บริโภคได้เลือกใช้อย่างอิสระ และมีประสิทธิภาพต่อเครื่องยนต์สูงสุด จึงทำให้น้ำมันเชื้อเพลิงถูกจัดสรรเป็นเกรดต่าง ๆ เพื่อให้ง่ายต่อการเลือกใช้งาน

เช่นเดียวกับน้ำมันดีเซล ในปัจจุบันได้มีตัวเลือกให้กับผู้บริโภคเพิ่มมากขึ้น ทั้ง น้ำมันดีเซล พรีเมี่ยม และน้ำมันดีเซลทั่วไป ทั้งแบบ น้ำมัน B7 น้ำมัน B10 และน้ำมัน B20 ซึ่งข้อสงสัยที่ตามมาสำหรับการใช้งานคือ แบบพรีเมี่ยม และทั่วไปมีความแตกต่างกันอย่างไร ในบทความนี้ เราพร้อมตอบทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิง และเรื่องของราคาน้ำมันดีเซลที่แตกต่างกัน

ความแตกต่างระหว่าง น้ำมันดีเซลพรีเมี่ยม และ น้ำมันดีเซล ทั่วไป

หากพูดถึงข้อแตกต่าง ข้อเปรียบเทียบที่เห็นได้ชัดคือ อัตราในการเร่งความเร็ว และความแรงของเครื่องยนต์ แม้จะเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงชนิดเดียวกัน แต่น้ำมันดีเซลพรีเมี่ยมกลับมีความพิเศษที่เหนือกว่า  

แม้ว่าราคาน้ำมันดีเซลจะมีความแตกต่างกันอยู่เล็กน้อย นั่นเป็นเพราะสารต่าง ๆ ที่ถูกเพิ่มเติมเข้าไป ซึ่งทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าปกติ ดังนั้นราคาที่แตกต่างจึงเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ ในการเลือกใช้น้ำมันดีเซล พรีเมี่ยม

 

น้ำมันดีเซลพรีเมี่ยม 

มีสารต่าง ๆ ที่เพิ่มเติมเข้าไป ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงมาตรฐานยูโร 5 และกำมะถัน ที่มีค่าต่ำกว่า 10 ppm และมีค่าซีเทนสูงสุดในระดับที่เครื่องยนต์ต้องการ เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น มีความทนทาน วิ่งได้ไกล สารเหล่านี้ช่วยดึงสมรรถนะของเครื่องยนต์ออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่ เสริมพลังขับเคลื่อนให้แรงขึ้น แรงบิดมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้หัวฉีดสะอาดขณะใช้งาน แถมยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ให้นานขึ้นอีกด้วย

น้ำมันดีเซล พรีเมี่ยม มีพร้อมให้บริการที่ปั๊มน้ำมันหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น ปตท. (PTT) บางจาก (ฺBangchak) เชลล์ (SHELL) หรือ เอสโซ่ (ESSO) ใกล้บ้านคุณ

 

 

น้ำมัน B7

ชื่อเดิมคือ น้ำมันดีเซล ที่เราใช้กันอยู่เป็นประจำ ซึ่งต่อมาเมื่อมีการผลิตน้ำมันดีเซลหลาย ๆ เกรดเพิ่มขึ้นมา จึงมีการเปลี่ยนชื่อให้มีความแตกต่างกันไปเพื่อไม่ให้เกิดสับสนในการใช้งาน เป็น “ดีเซล B7” หรือ “น้ำมัน B7” นั่นเอง ความแตกต่างของน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ สัดส่วนของไบโอดีเซล ซึ่งจะอยู่ที่ 6.6-7.0% ถือว่ามีปริมาณของน้ำมันดีเซลมากกว่าน้ำมัน B10 โดยน้ำมันชนิดนี้จะเหมาะสำหรับรถรุ่นเก่า และรถยุโรป

 

น้ำมัน B10

ถูกเปลี่ยนชื่อกลายเป็น “ดีเซล” ซึ่งมีความแตกต่างจาก น้ำมัน B7 ตรงที่มีสัดส่วนไบโอดีเซลที่มากกว่า หรืออยู่ที่ 9-10% ถือเป็นเกรดน้ำมันที่ได้มาตรฐาน เหมาะสำหรับรถยนต์ทั่วไปในปัจจุบัน ที่ไม่เก่าจนเกินไป มีราคาน้ำมันดีเซลที่ถูกกว่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ควรศึกษาให้แน่ใจว่า รถยนต์ที่ใช้นั้นสามารถเติมน้ำมัน B10ได้หรือไม่ เพราะในรถยนต์บางรุ่นที่เป็นรุ่นเก่า น้ำมัน B7อาจจะเหมาะสมกว่า

 

น้ำมัน B20

น้ำมันดีเซล B20 มีความแตกต่างจาก น้ำมัน B7 และน้ำมัน B10 ตรงที่มีสัดส่วนไบโอดีเซลที่มากกว่า หรืออยู่ที่ 20% ซึ่งเหมาะสำหรับใช้ในรถบรรทุกขนาดใหญ่ รถที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในปริมาณที่มากกว่าการใช้งานทั่วไป เช่น รถบรรทุก ขสมก. ISUZU, SCANIA เป็นต้น

จะเห็นได้ว่า น้ำมันดีเซล พรีเมี่ยม จะมีความคุ้มค่ามากกว่า และยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ได้ดีกว่า แม้จะไม่ได้เห็นผลทันตา แต่ส่งผลดีต่อเครื่องยนต์ในระยะยาวอย่างแน่นอน ซึ่งราคาน้ำมันดีเซลวันนี้อาจจะมีความแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับหลาย ๆ ปัจจัย แต่หากลองเทียบดูดี ๆ แล้ว ราคาระหว่างน้ำมันดีเซล และน้ำมันดีเซล พรีเมี่ยม ราคาจะแตกต่างกันอยู่ที่ประมาณ 3 บาท / ลิตร ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานของผู้ขับขี่ว่าต้องการเลือกใช้น้ำมันชนิดใด เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้งานของตนเองมากที่สุด


เกร็ดความรู้ที่เกี่ยวข้อง

5 ประโยชน์ของ น้ำมันเครื่อง ที่ผู้ใช้รถควรรู้!
23 ก.พ. 2565

5 ประโยชน์ของ น้ำมันเครื่อง ที่ผู้ใช้รถควรรู้!

สาระน่ารู้
ปั๊มน้ำมันใกล้ฉัน ฟังก์ชันง่ายๆ สำหรับค้นหาปั๊มใน Google
31 มี.ค. 2564

ปั๊มน้ำมันใกล้ฉัน ฟังก์ชันง่ายๆ สำหรับค้นหาปั๊มใน Google

สาระน่ารู้
 รู้ทันน้ำมันขึ้นราคา กับ 5 วิธีง่ายๆ เช็คราคาน้ำมัน
09 ต.ค. 2564

รู้ทันน้ำมันขึ้นราคา กับ 5 วิธีง่ายๆ เช็คราคาน้ำมัน

สาระน่ารู้