รู้หรือไม่! 6 ของเหลวในรถยนต์ที่ต้องเปลี่ยนถ่ายมีอะไรบ้าง?

รู้หรือไม่! 6 ของเหลวในรถยนต์ที่ต้องเปลี่ยนถ่ายมีอะไรบ้าง?

22 ม.ค. 2565   ผู้เข้าชม 19,334

หากเครื่องยนต์ เปรียบเสมือนหัวใจหลักในการทำงานของรถยนต์ น้ำมันหล่อลื่น ก็คงเปรียบเสมือนเลือดที่คอยไหลเวียน เพื่อหล่อเลี้ยงให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างที่เรารู้กันดีว่าเครื่องยนต์มีอุปกรณ์ฟันเฟืองจำนวนมาก จึงทำให้เกิดการเสียดสีกันไปมาอยู่ตลอดเวลาระหว่างชิ้นส่วนเครื่องยนต์ น้ำมันหล่อลื่นจึงกลายมาเป็นหัวใจสำคัญหรือตัวช่วยในการลดการเสียดสี ป้องกันการสึกหรอ หรือแม้แต่ช่วยระบายความร้อนให้กันชิ้นส่วนต่าง ๆ ระหว่างที่เครื่องยนต์ทำงาน

น้ำมันเครื่อง

ซึ่งน้ำมันหล่อลื่นที่กล่าวมาข้างต้น ถูกจำแนกออกเป็นหลากหลายประเภท เพื่อใช้งานกับอุปกรณ์หรือชิ้นส่วนนั้น ๆ โดยเฉพาะ เช่น น้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก น้ำมันเกียร์ ฯลฯ  ซึ่งแน่นอนว่า น้ำมันหล่อลื่นในแต่ละส่วน ย่อมมีระยะเวลาในการเปลี่ยนถ่ายที่แตกต่างกันออกไป ตามประเภทของน้ำมันหล่อลื่นและตามอายุการใช้งาน

รวม 6 ของเหลวที่ควรเปลี่ยน เพื่อประสิทธิภาพที่ดีของรถคุณ

น้ำมันเชื้อเพลิง

วันนี้ แพนด้า สตาร์ ออยล์ จะพาทุกคนมารู้จักกับ 6 ของเหลวในรถยนต์ ที่จำเป็นต้องตรวจเช็กและเปลี่ยนถ่ายอยู่เป็นประจำ เพื่อปกป้องและยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ รวมถึงเพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัย จะมีอะไรบ้างนั้นไปดูกันเลย

 

1. น้ำมันเครื่อง

น้ำมันเครื่อง

โดยทั่วไประยะการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องจะอยู่ที่ 8,000 - 10,000 กิโลเมตร หรือ 6 เดือน แต่สำหรับรถยนต์ที่ใช้งานบ่อย หรือวิ่งทางไกลอยู่เป็นประจำ อาจต้องเปลี่ยนทุก ๆ 3 เดือน และสำหรับผู้ที่ขับขี่รถยนต์ทางไกลอยู่เป็นประจำ ควรหมั่นตรวจเช็กน้ำมันเครื่องอยู่เป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เพื่อเช็กระดับของน้ำมันเครื่อง ซึ่งระดับที่เหมาะสมควรอยู่ระหว่างกึ่งกลางจุดสูงสุด (MAX) และต่ำสุด (MIN) ของก้านวัดน้ำมันเครื่อง เพราะหากน้ำมันเครื่องอยู่ในระดับที่ต่ำเกินไป จะส่งผลทำให้เครื่องยนต์สึกหรอเร็ว และหากน้ำมันเครื่องอยู่ในระดับที่เกินจุด MAX จะส่งผลทำให้ควันรถยนต์ขาวมากกว่าปกติ เพราะเกิดการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ จากน้ำมันเครื่องที่ทะลักเข้าไปในห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์

 

2.  น้ำมันเพาเวอร์ หรือ น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์

น้ำมันเครื่อง

สำหรับใครที่ใช้รถยนต์รุ่นใหม่ ๆ อาจจะไม่เคยได้ยิน เพราะปัจจุบันอาจไม่จำเป็นต้องใช้แล้ว เนื่องจากรถยนต์ในรุ่นปัจจุบันจะเป็นพวงมาลัยไฟฟ้าทั้งหมด แต่สำหรับรถยนต์ที่ใช้พวงมาลัยเพาเวอร์ไฮดรอลิก น้ำมันเพาเวอร์เป็นสิ่งที่ต้องหมั่นเติมและตรวจเช็กให้อยู่ในระดับปกติ และไม่ควรเติมมากจนเกินไป เพราะเมื่อน้ำมันได้รับความร้อนจะเกิดการขยายตัวเพิ่มขึ้น ควรเปลี่ยนน้ำมันเพาเวอร์ทุก 1 ปี หรือทุก ๆ 80,000 กิโลเมตร

หากปล่อยทิ้งไว้และไม่ได้มีการเปลี่ยนถ่ายตามระยะที่กำหนด จะส่งผลให้การบังคับเลี้ยวของพวงมาลัยทำได้ยากขึ้น เนื่องจากลูกสูบภายในเฟืองขับและเฟืองสะพานที่เชื่อมต่อเข้ากับล้อหน้าของรถยนต์ จะเคลื่อนที่ตามแรงดันน้ำมัน จากปั๊มพวงมาลัยเพาเวอร์ ที่ทำหน้าที่ช่วยหมุนพวงมาลัยนั่นเอง

 

3. น้ำมันเบรก

น้ำมันเครื่องราคาส่ง

เบรกถือเป็นส่วนสำคัญมาก เพราะใช้ในการหยุดรถและชะลอการขับขี่รถยนต์ สำหรับรถยนต์ทั่วไปที่ใช้งานปกติ ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรกทุก ๆ 40,000 กิโลเมตร ซึ่งโดยเฉลี่ยน้ำมันเบรกจะมีอายุการใช้งานอยู่ที่ 80,000 กิโลเมตร หรือ ประมาณ 3 ปี ขึ้นอยู่กับว่าตัวเลขไหนถึงกำหนดก่อนกัน

แต่ถ้าเป็นรถยนต์ที่ใช้ขึ้น-ลงเขาอยู่เป็นประจำ และต้องคอยเหยียบเบรกอยู่บ่อย ๆ น้ำมันเบรกอาจจะเสื่อมคุณภาพเร็วกว่าปกติ ควรหมั่นสังเกต หากมีอาการ เบรกจม หรือเมื่อเหยียบเบรกแล้วรู้สึกว่าเบรกไม่อยู่ ต้องเหยียบเบรกซ้ำหลาย ๆ รอบ ควรนำรถเข้าตรวจเช็กทันที เพราะรถของคุณอาจต้องเปลี่ยนน้ำมันเบรกก่อนกำหนด

 

4. น้ำมันเกียร์

น้ำมันหล่อลื่น

โดยปกติทั่วไปไม่ว่าจะเป็นรถยนต์เกียร์อัตโนมัติหรือเกียร์ธรรมดา จะมีรอบการเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ทุก ๆ 40,000 กิโลเมตร หรือทุก 2 ปี แต่หากคุณมีพฤติกรรมในการขับรถ ที่ต้องเปลี่ยนเกียร์บ่อย ๆ อาจต้องเปลี่ยนน้ำมันเกียร์เร็วกว่าปกติ ที่ระยะ 10,000 – 20,000 กิโลเมตร หรือทุก ๆ 1 ปี และไม่ควรใช้งานเกินกำหนดระยะเวลาในการเปลี่ยนถ่าย เพราะน้ำมันเกียร์เป็นตัวช่วยชะล้างเศษโลหะ คราบเขม่า ที่สะสมจากการใช้งานจำนวนมาก อาจส่งผลให้ประสิทธิภาพในหล่อลื่นลดลง

 

5. น้ำยาหล่อเย็น หรือ น้ำยาเติมหม้อน้ำ

น้ำมันหล่อลื่น

สำหรับน้ำยาหล่อเย็นส่วนประกอบหลัก ๆ ประกอบด้วย น้ำ สารหล่อเย็น หัวเชื้อป้องกันสนิม และสีต่าง ๆ ฯลฯ ซึ่งหน้าที่หลักของน้ำยาหล่อเย็นคือ ช่วยทำให้จุดเดือดของน้ำภายในหม้อน้ำ ที่ผสมน้ำยาหล่อเย็นสูงขึ้น ส่งผลให้น้ำที่อยู่ภายในเดือดช้าลง ทั้งยังช่วยป้องกันการเกิดสนิม ตะกรัน ตะกอน ได้อีกด้วย ดังนั้นผู้ขับขี่ควรศึกษาให้ดีก่อนเลือกใช้น้ำยาหล่อเย็น เพราะมีทั้งน้ำยาหล่อเย็นสูตรผสมน้ำและไม่ผสมน้ำ ที่สำคัญควรหมั่นตรวจสอบระดับน้ำภายในหม้อน้ำทุก ๆ สัปดาห์ และควรล้างหรือเปลี่ยนถ่ายน้ำออก ทุก ๆ 6 หรือ 9 เดือน หรือ ทุก 50,000 กิโลเมตร เพื่อประสิทธิภาพการใช้งานสูงสุด

 

6. น้ำฉีดกระจก

น้ำมันเชื้อเพลิง

เป็นของเหลวประเภทที่ผู้ขับขี่ทุกคนสามารถเติมเองได้ โดยสามารถเติมน้ำเปล่าเพียงอย่างเดียว หรือผสมน้ำยาฉีดกระจกตามอัตราส่วนที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำความสะอาด คราบฝุ่น คราบแมลง ขี้นก ที่ติดอยู่บนกระจกให้หลุดออกได้ง่ายมากยิ่งขึ้น เป็นการเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น หากคุณใช้น้ำฉีดกระจกอยู่เป็นประจำ ควรหมั่นเติมทุก ๆ สัปดาห์

ข้อควรระวัง หากคุณต้องการผสมน้ำกับแชมพู น้ำยาล้างจาน เพื่อใช้เป็นน้ำสำหรับฉีดกระจก อาจก่อให้เกิดปัญหาหัวฉีดหรือท่อฉีดน้ำอุดตันได้ ดังนั้นจึงควรผสมในปริมาณน้อย

 

เห็นรึยังว่าน้ำมันหล่อลื่นภายในรถยนต์ มีความสำคัญไม่แพ้น้ำมันเชื้อเพลิง ที่ใช้ในการขับเคลื่อนรถยนต์เลย ถึงแม้จะเป็นการดูแลในจุดเล็ก ๆ แต่หากละเลยไม่ใส่ใจ จากจุดเล็ก ๆ ที่ควรดูแล อาจส่งผลร้ายแรงต่อเครื่องยนต์ จนกลายเป็นปัญหาใหญ่และยากต่อการซ่อมแซมภายหลัง

แพนด้า สตาร์ ออยล์ พร้อมเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยคุณดูแลรักษาเครื่องยนต์ไปพร้อม ๆ กัน เพราะนอกจากเราจะจำหน่ายและบริการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งปลีก-ส่งแล้ว เรายังมีผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น


เกร็ดความรู้ที่เกี่ยวข้อง

สายซิ่งห้ามพลาด! กฎหมายอัตราความเร็วรถปีล่าสุด ขับเร็วเท่าไรจึงไม่โดนใบสั่ง
28 ก.พ. 2565

สายซิ่งห้ามพลาด! กฎหมายอัตราความเร็วรถปีล่าสุด ขับเร็วเท่าไรจึงไม่โดนใบสั่ง

สาระน่ารู้
5 ประโยชน์ของ น้ำมันเครื่อง ที่ผู้ใช้รถควรรู้!
23 ก.พ. 2565

5 ประโยชน์ของ น้ำมันเครื่อง ที่ผู้ใช้รถควรรู้!

สาระน่ารู้