10 เช็คลิสต์ เตือนสติก่อนสตาร์ท

10 เช็คลิสต์ เตือนสติก่อนสตาร์ท

06 ต.ค. 2564   ผู้เข้าชม 1,657

สำหรับผู้ขับขี่รถยนต์มือใหม่หรือสาว ๆที่ต้องเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว เชื่อว่าเมื่อจำเป็นต้องเดินทางคนเดียว ไม่ว่าจะขับรถไปทำงาน ไปเที่ยวคาเฟ่ หรือโดยเฉพาะอย่างยิ่งขับรถทางไกลด้วยแล้วละก็ อาจเกิดความกังวลใจกับเรื่องเล็ก ๆน้อย ๆเกี่ยวกับรถยนต์ระหว่างการเดินทางแน่นอน 

วันนี้เรามีเคล็ดลับง่าย ๆ ในการเตรียมตัวที่ดีก่อนออกจากบ้านมาฝากกัน เชื่อว่าเช็คลิสต์ต่อไปนี้จะทำให้ทุก ๆการเดินทางราบรื่นกว่าที่เคย แถมยังช่วยคลายกังวลจากปัญหารถเสียระหว่างทางได้อีกด้วย

 

ตั้งสติก่อนสตาร์ท ลดอุบัติเหตุบนท้องถนน เริ่มที่ตัวคุณ!

ขอแนะนำ10 เช็คลิสต์เตือนสติก่อนสตาร์ทเบื้องต้น ให้คุณได้เช็คสภาพรถก่อนออกเดินทาง เพื่อความปลอดภัยและอุ่นใจระหว่างการเดินทาง มีอะไรบ้างลองไปดูกันเลย

1. น้ำมันเครื่อง

หัวใจสำคัญที่มีผลต่อระบบต่าง ๆของรถยนต์ ดังนั้นการตรวจเช็คสภาพรถก่อนออกเดินทาง ยิ่งโดยเฉพาะการเดินทางระยะไกล ยิ่งจำเป็นต้องหมั่นเช็คระดับน้ำมันเครื่องเป็นลำดับต้น ๆ โดยที่ให้แน่ใจว่า น้ำมันเครื่อง ต้องอยู่ในระดับปกติเสมอ ไม่ควรปล่อยให้น้ำมันเครื่องอยู่ในระดับที่มากหรือน้อยเกินไป 

สำหรับวิธีการตรวจเช็คระดับน้ำมันเครื่องง่าย ๆ เพียงแค่ดึงก้านเหล็กวัดระดับน้ำมันเครื่องออกมาเพื่อเช็ดน้ำมันให้สะอาด จากนั้นจึงเสียบกลับเข้าไปจนสุดในจุดเดิมและดึงกลับมาอีกครั้ง ซึ่งต้องดูให้แน่ใจว่าคราบน้ำมันที่ดึงออกมา ควรอยู่ในตำแหน่ง F พอดี

2. หม้อน้ำ

สามารถตรวจเช็คระดับน้ำยาหล่อเย็นในหม้อน้ำได้ง่ายๆ เพียงแค่เปิดฝาหม้อน้ำออกมา แล้วสังเกตปริมาณน้ำหล่อเย็นในหม้อน้ำให้อยู่ในระดับเต็มเสมอ (อย่าลืม! เปิดฝาหม้อน้ำในขณะที่เครื่องยังเย็นอยู่เท่านั้น มิฉะนั้นอาจเกิดอันตรายต่อตัวท่านเองได้)

3. น้ำในถังฉีดกระจก

ฟังแล้วอาจดูไม่จำเป็นสำหรับการเดินทางสักเท่าไหร่นัก แต่รู้หรือไม่ว่า หากเมื่อไหร่ที่น้ำในถังฉีดน้ำหมดลง อาจเป็นปัญหาใหญ่ได้ เพราะหากเกิดสิ่งสกปรก หรือฝุ่นมาบดบังทัศนวิสัยขณะขับที่ อาจส่งผลต่อความปลอดภัยในการขับขี่ได้เช่นกัน ดังนั้นแนะนำให้หมั่นตรวจเช็คดูระดับน้ำในถังฉีดกระจกสักนิดก่อนออกเดินทาง 

4. แบตเตอรี่รถยนต์

ให้หมั่นสังเกตอาการหลังขณะสตาร์ทรถยนต์ หากพบว่ามีอาการสตาร์ทติดยากหรือไม่สามารถสตาร์ทรถยนต์ได้ ให้สัญนิตฐานได้เลยว่า แบตเตอรี่รถยนต์ของท่านเสื่อมสภาพหรือหมดอายุการใช้งานแล้ว ดังนั้นแนะนำให้ท่านนำรถยนต์เข้าตรวจเช็คแบตเตอรี่ได้ที่จุดบริการแบตเตอรี่ที่ได้มาตราฐาน มิฉะนั้นอาจต้องเรียกช่างมาจั้มแบตเตอรี่รถยนต์ให้แบบฉุกเฉินกันเลยทีเดียว

5. ยางรถยนต์

ถือเป็นสิ่งสำคัญและเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนรถยนต์ แนะนำให้ทำการตรวจเช็คยางรถยนต์ทั้ง 4 ล้อ ว่าอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานหรือไม่ ให้แน่ใจว่าไม่มีการรั่วซึมของลมยาง หรือมีล้อยางเส้นไหนที่แบนผิดปกติกว่าเส้นอื่น ให้ทำการเติมลมยางรถยนต์ตามคู่มือประจำรถยนต์ที่กำหนดไว้หรือเพียงสังเกตง่าย ๆ ที่บริเวณขอบประตูคนขับด้านในซึ่งมีสติกเกอร์ลมยางบอกค่าลมยางรถยนต์ของคุณติดอยู่ 

หากพบว่ายางรถยนต์มีอาการแบน หรือรั่วซึมภายหลังที่เติมลมยางแล้วระหว่างการขับขี่ ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินจริงๆ แนะนำให้ผู้ขับขี่นำยางอะไหล่รถยนต์ที่ติดมากับรถมาเปลี่ยนแทนยางรถยนต์เส้นที่มีปัญหา ดังนั้นผู้ใช้รถใช้ถนนทุกท่าน อย่าหมั่นตรวจเช็คลมยางอะไหล่กันด้วยนะคะ เพราะมิฉะนั้นเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินหรือมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนมาใช้ยางอะไหล่กระทันหัน เราจะได้สามารถนำใช้งานได้ทันที

ดังนั้นเราจึงควรหมั่นตรวจสอบสภาพยางรถยนต์ทั้ง 5 เส้นให้อยู่ในสภาพใช้งานได้ปกติอยู่เสมอ หากพบว่ามียางเส้นใดเส้นหนึ่งมีปัญหาไม่สามารถใช้งานได้จริง ควรทำการเปลี่ยนใหม่เพื่อความปลอดภัยระหว่างการเดินทางนะคะ 

6. ระบบเบรค

ไม่ว่าเราจะขับรถทางใกล้หรือไกล ควรหมั่นตรวจสอบให้น้ำมันเบรคอยู่ในระดับปกติอยู่เสมอ อีกข้อสังเกตของระบบเบรครถยนต์น้ัน เรายังสามารถสังเกตได้จากความหนืดระหว่างเหยียบเบรคได้เช่นกัน หากพบว่าขณะที่เราทำการเหยียบเบรคแล้วรู้สึกทื่อแข็ง นั่นอาจเกิดจากอาการระบบหม้อลมเบรครั่วซึมได้ หรือหากเราเหยียบเบรคแล้วจม ทำให้ต้องคอยเหยียบเบรคซ้ำ ๆ อาการเหล่านี้มีสาเหตุจากลูกยางในแม่ปั้มเบรคบวมนั่นเอง แนะนำให้นำรถยนต์ของท่านเข้าตรวจเช็คสภาพรถและแก้ไขโดยด่วน 

อีกข้อสังเกตง่ายๆคือ หากมีเสียงดังผิดปกติจากล้อรถยนต์ ซึ่งเกิดจากผ้าเบรคล้อเริ่มบาง หากยังคงฝืนใช้งานต่อไป นอกจากจะทำให้ระบบเบรคไม่มีประสิทธิภาพในการใช้งานแล้ว อาจทำให้ตัวท่านเองเสียเงินเพิ่มเติมได้ เพราะเป็นการเพิ่มโอกาสทำให้จานเบรคเสียหายอีกด้วย

7. ไฟส่องสว่าง

ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเลี้ยว ไฟเบรค ไฟฉุกเฉิน หรือไฟในส่วนอื่น ๆ ควรอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานตลอดเวลา หากมีอันใดอันหนึ่งเสียควรรีบเปลี่ยนทันที โดยเฉพาะหากต้องมีการเดินทางในช่วงกลางคืนด้วยแล้วนั้นยิ่งจำเป็นต่อสมรรถนะในการขับขี่เป็นอย่างมาก

8. สังเกตของเหลวใต้ท้องรถ

หลังจากตรวจเช็คส่วนต่าง ๆ เบื้องต้นแล้ว ลองก้มดูใต้ท้องรถยนต์ว่ามีของเหลวหรือคราบแปลกปลอมหยดตามพื้นหรือไม่ หากพบว่ามีคราบของเหลวใต้ท้องรถ อาจมีระบบหรืออุปกรณ์บางอย่างของรถยนต์ที่ทำงานผิดปกติเกิดขึ้นได้ เบื้องต้นแนะนำให้รีบนำรถเข้าตรวจเช็คสภาพรถโดยเร็วที่สุด

9. ห้องโดยสาร

ต้องเช็คว่าห้องโดยสารไม่มีสิ่งกีดขวาง เช่น ขวดน้ำ เอกสาร หนังสือต่าง ๆ วางไว้ โดยเฉพาะที่คอนโซลหน้ารถ เนื่องจากสิ่งของดังกล่าวอาจเข้าไปกีดขวางคันเร่งหรือเบรคจนเกิดอุบัติเหตุได้ 

10. สัญลักษณ์ไฟเตือนต่าง ๆ บนหน้าปัดรถยนต์

หลังจากที่เราทำการสตาร์ทรถแล้ว เชื่อว่าสิ่งที่จะสะดุดตาที่สุด หรือง่ายต่อการสังเกตในการเช็คสภาพรถก่อนออกเดินทางในขั้นตอนสุดท้ายนั่นคือ สัญลักษณ์ไฟเตือนหน้าปัดรถยนต์ หากหลังจากสตาร์ทเครื่องยนต์แล้ว แต่ยังพบว่าสัญลักษณ์ไฟเตือนหน้าปัดรถยนต์ บางอันยังคงกระพริบอยู่หรือโชว์เตือนเป็นรูปไฟสีแดง ให้พึงตระหนักว่า อาจมีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นกับเครื่องยนต์ของคุณ โดยแนะนำให้ท่านนำรถยนต์เข้าตรวจเช็คที่จุดบริการหรือศูนย์ซ่อมรถยนต์โดยเร็วที่สุด เพื่อความปลอดภัยก่อนออกเดินทางนะคะ 

 

สำหรับ 10 เช็คลิสต์ด้านบนนี้ เป็นเพียงคำแนะนำเบื้องต้นเกี่ยวกับการตรวจเช็คสภาพรถก่อนออกเดินทางอย่างง่าย ทั้งนี้เพื่อคลายความกังวลสำหรับผู้ขับขี่รถยนต์ทุกท่าน กรณีที่ท่านพบสิ่งผิดปกติที่ไม่สามารถตรวจเช็คได้เอง อย่าลืมนำรถยนต์ของท่านไปตรวจเช็คโดยช่างผู้ชำนาญดีกว่านะคะ เพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเองและเพื่อนร่วมทางบนท้องถนน


เกร็ดความรู้ที่เกี่ยวข้อง

ลืมพกเงินสด! รวมสารพัดวิธีจ่ายเงินค่าน้ำมันในปั๊มน้ำมัน
01 พ.ย. 2564

ลืมพกเงินสด! รวมสารพัดวิธีจ่ายเงินค่าน้ำมันในปั๊มน้ำมัน

สาระน่ารู้
น้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพเร็ว เกิดจากสาเหตุอะไรมาดูกัน?
08 ก.พ. 2565

น้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพเร็ว เกิดจากสาเหตุอะไรมาดูกัน?

สาระน่ารู้
จะดูแลรถอย่างไรเมื่อต้อง จอดรถทิ้งไว้นาน โดยไม่ใช้งาน
26 ม.ค. 2565

จะดูแลรถอย่างไรเมื่อต้อง จอดรถทิ้งไว้นาน โดยไม่ใช้งาน

สาระน่ารู้