ถอดรหัสลับ! เลขบนแกลอนถังน้ำมันเครื่องก่อนเลือกซื้อ เพื่อใช้งานได้อย่างถูกต้อง

ถอดรหัสลับ! เลขบนแกลอนถังน้ำมันเครื่องก่อนเลือกซื้อ เพื่อใช้งานได้อย่างถูกต้อง

08 ก.พ. 2565   ผู้เข้าชม 42,295

น้ำมันเครื่องที่มีวางขายอยู่ทั่วไปหลากหลายยี่ห้อ หลากหลายประเภท ย่อมมีคุณสมบัติโดดเด่น ในการใช้งานที่แตกต่างกันออกไปแล้ว คุณเคยสงสัยกันไหมว่า?  ตัวเลข และ ตัวอักษรภาษาอังกฤษ ที่อยู่บนฉลากแกลอนน้ำมันเครื่องนั้นหมายถึงอะไร หรือจะเป็นค่าความหนืด ที่มักจะถูกระบุอยู่บนฉลากด้านหลังแกลอนน้ำมันเครื่องหมายความว่าอย่างไร แล้วสำหรับรถยนต์ของคุณควรเลือกใช้แบบไหน

ในบทความนี้ แพนด้า สตาร์ ออยล์ จะพาคุณไปอ่านค่าตัวเลข เพื่อถอดรหัสลับบนแกลอนน้ำมันเครื่องกัน รวมถึงมาตรฐานของน้ำมันเครื่องที่ใช้กันหลัก ๆ ในปัจจุบัน คือ มาตรฐาน SAE และ API คืออะไร เพื่อประโยชน์ในการเลือกใช้น้ำมันเครื่องที่เหมาะสมกับการใช้งานและประเภทเครื่องยนต์ของรถยนต์คุณ

ทำความรู้จักกับ มาตรฐานของน้ำมันเครื่องรถยนต์

น้ำมันเครื่อง

มาตรฐานของน้ำมันเครื่องรถยนต์ ถูกกำหนดขึ้นมาจาก ผลการทดสอบกับเครื่องยนต์แบบต่าง ๆ โดยมีการกำหนดวิธีการทดสอบให้ใกล้เคียงกับสภาพการใช้งานจริง โดยแบ่งออกเป็น 5 มาตรฐาน คือ

  SAE   SOCIETY OF AUTOMOTIVE ENGINEERS
  API   AMERICAN PETROLEUM INSTITUTE
  US MILITARY CLASSIFICATION   สถาบันทางทหารของสหรัฐอเมริกา
  ASTM   AMERICAN SOCIETY FOR TESTING AND MATERIALS
  CCMC   COMMITTEE OF COMMON MARKET CONSTRUCTION

 

ส่วนในบทความนี้ เราจะชวนมาทำความรู้จัก 2 มาตรฐานหลัก ๆ ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันคือ SAE และ  API

 

1.มาตรฐาน SAE  (SOCIETY OF AUTOMOTIVE ENGINEERS)

น้ำมันหล่อลื่น

จะประกอบด้วยตัวเลข 2 ชุด คือ SAE XW-XX

ยกตัวอย่างเช่น 10W - 30

ตัวเลขชุดแรก “ 10W ” หมายถึง ค่าการทนต่อความเย็นของน้ำมันเครื่อง ตัวอักษร W ย่อมาจาก Winter โดยค่าการทนความเย็นของน้ำมันเครื่องแบ่งออกได้ ดังนี้

  0W    = สามารถคงความข้นใสไว้ได้ต่ำกว่า   – 30 องศาเซลเซียส โดยไม่เป็นไข

  5W    = สามารถคงความข้นใสไว้ได้ถึง          – 30 องศาเซลเซียส โดยไม่เป็นไข

  10W  = สามารถคงความข้นใสไว้ได้ถึง          – 20 องศาเซลเซียส โดยไม่เป็นไข

  15W  = สามารถคงความข้นใสไว้ได้ถึง          – 10 องศาเซลเซียส โดยไม่เป็นไข

  20W  = สามารถคงความข้นใสไว้ได้ถึง               0 องศาเซลเซียส โดยไม่เป็นไข

 

ชุดตัวเลขที่สอง “ 30 ” หมายถึง ค่าความหนืด หรือ ค่าความข้น - ความใสของน้ำมันเครื่อง เมื่ออยู่ในอุณหภูมิสูง โดยวัดที่ 100 องศาเซลเซียส จากอุณหภูมิการทำงานจริงของเครื่องยนต์ และแทนค่าออกมาเป็นตัวเลขเรียกว่า “ เบอร์ของน้ำมันเครื่อง ” เช่น 60, 50, 40, 30, 20, 10 และ 5 ซึ่งพบว่า ค่าตัวเลขยิ่งมากยิ่งทำให้มีความหนืดมากตาม ค่าตัวเลขน้อยความหนืดก็จะน้อยลงตามลำดับ


ซึ่งค่าเหล่านี้มีความสำคัญ ควรเลือกใช้ให้เหมาะกับสภาพอากาศในแต่ละพื้นที่ เนื่องจากน้ำมันเครื่องจะหนาขึ้นเมื่อเจอกับอุณหภูมิเย็น และบางลงอีกครั้งเมื่อได้รับความร้อนสูง น้ำมันเครื่องที่มีความหนืดต่ำและบาง จึงไหลได้ง่ายกว่าเพื่อปกป้องชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่อุณหภูมิเย็น ส่วนน้ำมันที่มีความหนืดสูงและหนา โดยทั่วไปจะรักษาความแข็งแรงของฟิล์มได้ดีกว่าเพื่อปกป้องเครื่องยนต์ที่อุณหภูมิร้อนสูง

 

2. มาตรฐาน API (AMERICAN PETROLEUM INSTITUTE)

น้ำมันหล่อลื่น

มาตรฐาน API เป็นตัวบ่งบอกคุณภาพของน้ำมันเครื่อง โดยมาตรฐาน API จะขึ้นต้นด้วย API และตามด้วยตัวอักษร S และ C ดังนี้

  •  S (Service Station Classifications) ใช้สำหรับเครื่องยนต์เบนซิน เช่น API SA SB SC SD 
  •  C (Commercial Service - Compression Ignition) ใช้สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล เช่น API CA CB CF- 4 CG- 4 (ตัวเลข 4 หมายถึงใช้กับเครื่องยนต์แบบ 4 จังหวะ) 

สำหรับการอ่านค่าน้ำมันเครื่องมาตรฐาน API จะมีเฉพาะตัวอักษรด้านท้ายตัวเดียวเท่านั้นที่เปลี่ยนแปลง (ตัวอักษรที่ขีดเส้นใต้) โดยอักษรตัวสุดท้ายจะเริ่มต้นตามตัวอักษรภาษาอังกฤษ คือ A B C ไล่ไปเรื่อย ๆ จนถึงตัวอักษรตัวสุดท้ายคือ Z ยิ่งใกล้ตัวอักษร Z มากเท่าไหร่ นั่นหมายถึงคุณภาพของน้ำมันเครื่องก็ยิ่งเป็นเกรดคุณภาพสูงขึ้นเท่านั้น 

 

น้ำมันเครื่อง เกรดเดี่ยว และ เกรดรวม ต่างกันยังไง?

น้ำมันเครื่องที่เรารู้จักกันทั่ว ๆ ไปมีอยู่ 3 ประเภท ได้แก่

 

1. น้ำมันเครื่องธรรมดา

น้ำมันเครื่องรถยนต์

 

2. น้ำมันเครื่องสังเคราะห์

น้ำมันเครื่อง

 

3. น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์

น้ำมันหล่อลื่น


น้ำมันเครื่องรถยนต์ยังถูกแบ่งออกเป็น 2 เกรด คือ

น้ำมันเครื่องรถยนต์มีทั้งหมด 2 เกรดด้วยกัน ได้แก่

 

1. น้ำมันเครื่องเกรดเดี่ยว Single Grad

น้ำมันเครื่องราคาส่ง

น้ำมันเครื่องที่มีค่าความหนืดเหมาะสมกับเฉพาะอุณหภูมิเดียว ที่ระบุอยู่บนฉลากแกลอนน้ำมันเครื่องเท่านั้น เช่น SAE50 หรือ SAE40 ซึ่งหมายความว่า น้ำมันเครื่องชนิดนี้จะปกป้องเครื่องยนต์ได้ดีที่สุด ที่อุณหภูมิ 50 หรือ 40 องศา ตามที่ระบุไว้ เหมาะกับเครื่องยนต์ที่มีรอบต่ำ หรือ เครื่องยนต์รุ่นเก่า ๆ และประเทศในเขตร้อนอย่างบ้านเรา ข้อดีคือ ราคาถูก แต่ไม่เป็นที่นิยมเพราะมีอายุการใช้งานสั้น


2 น้ำมันเครื่องเกรดรวม Multi Grad

น้ำมันเครื่อง

น้ำมันเครื่องที่สามารถเปลี่ยนแปลงค่าความหนืดได้ตามอุณหภูมิ เช่น เมื่ออยู่ในอุณหภูมิสูงก็จะมีความใส เมื่อกลับมาอยู่ในอุณหภูมิที่ต่ำลง ก็ยังสามารถคงความข้นใสเอาไว้ได้ เพื่อให้เหมาะสมกับการเลือกใช้ในทุกอุณหภูมิของเครื่องยนต์ นิยมใช้กับรถรุ่นใหม่ และประเทศในเขตหนาวเย็น

 

เป็นยังไงกันบ้างกับการอ่านค่าบนแกลอนน้ำมันเครื่อง ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ หวังว่าคงจะช่วยคลายข้อสงสัยเกี่ยวกับตัวเลขต่าง ๆ บนฉลากแกลอนน้ำมันเครื่องให้กับคุณไปได้บ้าง รวมถึงเป็นประโยชน์ ในการเลือกใช้น้ำมันเครื่องให้เหมาะกับเครื่องยนต์และการใช้งานรถยนต์ของคุณต่อไป 

เพราะการเลือกใช้น้ำมันเครื่องที่ดีมีคุณภาพ ย่อมช่วยปกป้องและยืดอายุการใช้งานรถของคุณได้อย่างแน่นอน แพนด้า สตาร์ ออยล์ บริการจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นคุณภาพสูงหลากหลายยี่ห้อ ทั้งน้ำมันเกียร์ น้ำมันเบรค และน้ำมันเครื่องราคาส่ง สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลและเบนซินทุกประเภท

ขอขอบคุณรูปภาพจาก Caltex Thailand


เกร็ดความรู้ที่เกี่ยวข้อง

เช็คเลย! ฤกษ์ออกรถปี 2565 เอาใจสายมู ชีวิตรุ่งเรืองตลอดทั้งปี
25 ก.พ. 2565

เช็คเลย! ฤกษ์ออกรถปี 2565 เอาใจสายมู ชีวิตรุ่งเรืองตลอดทั้งปี

สาระน่ารู้
จะดูแลรถอย่างไรเมื่อต้อง จอดรถทิ้งไว้นาน โดยไม่ใช้งาน
26 ม.ค. 2565

จะดูแลรถอย่างไรเมื่อต้อง จอดรถทิ้งไว้นาน โดยไม่ใช้งาน

สาระน่ารู้
รวมแอพพลิเคชั่นน่าใช้ สำหรับคนมีรถยนต์ มีติดไว้ อุ่นใจและปลอดภัยทุกการเดินทาง
05 พ.ย. 2564

รวมแอพพลิเคชั่นน่าใช้ สำหรับคนมีรถยนต์ มีติดไว้ อุ่นใจและปลอดภัยทุกการเดินทาง

สาระน่ารู้